เนื้อเรื่องใหม่
- เควสโลก ป้ายหก เคราะห์ลั่วหยาง (ปราณ5)
- เดินทางไปยังบริเวณ 1214 1704 จินหลิง จะตัดเข้าฉากคัทซีน พร้อมได้รับเควส กระดาษโน๊ตลึกลับ อยู่ในหัวข้อเควส ตำนานเมืองดัง
ลำดับเควส
- กระดาษโน๊ตลึกลับ
- วิชาพยากรณ์
- ถูกบังคับเข้าร่วมเกม
- ตามหาเสียนไป๋
- ริมแม่น้ำฉินหวาย
- ยื่นมือช่วยเหลือ
- มอบหมายงานประกวดความงาม
- ประกวดความงาม
- ซุ่มเข้าพระราชวัง
- ช่วยเสี่ยนไป๊ = เมื่อสำเร็จเควสจะได้รับรางวัลพิธีบวงสรวงสวรรค์ (1) ในห่อจะมีไอเทม "ทองเข้ม" กดใช้เพื่อปลดล็อก สกินอินเตอร์เฟสคีย์ลัด แบบใหม่
- มรณะราชบุตรเขย
- ยอมรับโดยไม่ปฏิเสธ
- ปล่อยเสือเข้าถ้ำ
- เบาะแสใหม่
- บุคคลน่าสงสัย = สังหารศัตรูแล้ว กดเก็บไอเทมเควสด้วย
- วัดเต๋าหลวง
- ทฤษฎีการมองเห็น
- เข้าสู่วังอย่างกล้าหาญ
- ช่่วยเหลือหญิงสาว
- กู้ภัยฮั่นอ๋อง
- การตัดสินชีวิต
- ป้องกันการลอบสังหาร
- พบผู้นำพรรคอีกครั้ง = เมื่อสำเร็จเควสจะได้รับ รางวัลพิธีบวงสรวงสวรรค์ (2)


1. ภัยพิบัติ “อารามร่ำไห้”
จอมยุทธ์มาถึงเมืองจินหลิงและเดินเตร็ดเตร่ ทันใดนั้น มีเด็กชายคนหนึ่งเดินผ่านยื่นกระดาษไว้ในมือเขา ในนั้นมีสองประโยค: "ใบไม้ร่วงออกจากกิ่งเก่า ฝุ่นลอยล่องสู่ทางแยก" จอมยุทธ์ถือกระดาษขบคิดไม่แจ้งในเจตนา ในเวลานี้ ซินแสอู๋ หมอดูข้างศาลฟู่จื่อ ได้มาขวางจอมยุทธ์แล้วจู่ ๆ ก็เอ่ยถึงดวงชะตาของจอมยุทธ์เอาดื้อ ๆ หลังจากที่ซินแสอู๋แจ้งดวงชะตาแล้วก็พูดถึงความกังวลใจที่ซ่อนอยู่ใจของจอมยุทธ์ด้วยถ้อยคำไม่กี่คำและชี้แนะจอมยุทธ์ว่าเดิมนั้นเป็นวีรบุรุษ ในยามนี้กลับไม่สมดังหวัง ใยจึงไม่ย้อนกลับไป จอมยุทธ์ฟังแล้วคิดถึงสองประโยคในกระดาษและตระหนักว่าซินแสอู๋กำลังดูท่าทีโต้ตอบจึงรีบผละจากหมอดูทันที
ขณะที่จอมยุทธ์เตรียมจะอำลา ซินแสอู๋รีบถามจอมยุทธ์ว่าเคยได้ยินประเพณี "อารามร่ำไห้" ในเจียงหนานหรือไม่ เมื่อใดก็ตามที่ราชสำนักไม่อยู่ในธรรม บัณฑิตจะรวมตัวกันที่หอทรงตรวจเจียงหนาน ขอเปิดแผ่นจารึกอนุสรณ์บรรพชน และหันร่ำรำพันทุกข์เข็ญต่อท่านขงจื๊อ จอมยุทธ์ผู้เล่นตอบตรงไปตรงมาว่าไม่เคยได้ยินประเพณีแปลก ๆ นี้มาก่อน หมอดูซินแสอู๋บอกจอมยุทธ์ว่าพรุ่งนี้จะมี "อารามร่ำไห้" ที่นี่ และครั้งนี้หัวหน้า "อารามร่ำไห้" นามว่า ซวน ไป๋ ได้ส่งบันทึกถึงจอมยุทธ์
วันรุ่งขึ้น จอมยุทธ์มาแต่เช้า อยู่ที่ประตูหอทรงตรวจเจียงหนานของศาลฟู่จื่อ แสร้งทำตัวเป็นบัณฑิตเข้าแทรกในหมู่ชน ลอบถามข่าวซวนไป๋ไปเรื่อย ด้วยคำแนะนำของบัณฑิต ในที่สุดจอมยุทธ์ก็มองเห็นซวนไป๋ ยังไม่ทันได้กล่าวสักคำก็มีคนเดินมาข้างหน้าแจ้งว่าถึงเวลาแล้ว ซวนไป๋ก็เพิกเฉยต่อจอมยุทธ์ผู้เล่น เพียงเห็นซวนไป๋ถือแผ่นอนุสรณ์ขงจื้อและนำฝูงชนเข้าพิธีอารามร่ำไห้ เหล่าบัณฑิตหลายร้อยคนถือแผ่นป้ายในมือพร้อมคุกเข่าลงด้วยความเคารพ จอมยุทธ์มองดูอย่างเงียบ ๆ
ทันใดนั้น หนึ่งในนั้นก็ยืนขึ้นร่ายบทกวีเสียดสีความเน่าเฟะของราชสำนัก ฮ่องเต้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม ชาวบ้านทั่วไปไม่รู้สึกรู้สาอันใด แต่จอมยุทธ์รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จอมยุทธ์เถียงกลับทันที แต่ด้วยคำพูดหยาบคายของเขา จึงถูกเหล่าบัณฑิตรุมล้อมทึ้งพลางดุด่า อีกทั้งชาวบ้านใกล้เคียงที่มามุงดู ศาลแห่งนี้จึงแน่นขนัด
ในเวลานี้ ทหารและขุนนางวังหลวงจำนวนมากมาถึงด้านนอกและล้อมหอทรงตรวจเจียงหนาน จอมยุทธ์จำใจต้องพาซวนไป๋ออกไป เหล่าทหารและขุนนางจึงไล่ตามไม่ลดละ จอมยุทธ์มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาจึงพาซวนไป๋ ไปหอฉินโหลวที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วพบเสื้อผ้าโสเภณีจึงสลับไปสวมชุดซวนไป๋ เพื่อหลบเลี่ยงการไล่ล่าของทหารและขุนนาง หลังซวนไป๋แต่งชุดสตรี มีรูปโฉมโนมพรรณงดงาม เผอิญเดินชนกับหวงพี เจ้าหน้าที่วงมโหรีที่อยู่ที่นี่ หวงพีหวังพาซวนไป๋ไปฝึกและเข้าร่วมประกวดความงามบนเรือเก๋งจินหลิงในสามวันต่อมา โชคดีที่ซูฉูฉู่ โสเภณีชื่อดังหอฉินโหลว คอยช่วยซวนไป๋ส่งข่าว เนื่องจากซวนไป๋นอนป่วยอยู่หลายวัน ดังนั้นจอมยุทธ์จะสามารถขึ้นเรือได้ต้องอีกสามวันจากนี้
2. เฟ้นสาวเรือเก๋ง
ยามกลางคืน จอมยุทธ์ได้พูดคุยกับซูฉูฉู่อย่างจริงใจ ซูฉูฉู่แจ้งจอมยุทธ์ว่า วงมโหรีได้รับบัญชาจากราชสำนักให้คัดเลือกเด็กผู้หญิงในนามของการประกวดนางงามเพื่อการสังเวยลึกลับ และตำหนิฮ่องเต้เฉิงจู่ว่ามีพระทัยโหดเหี้ยม ในระหว่างการสนทนา จอมยุทธ์จึงทราบว่าซูฉูฉู่รู้จักซวนไป๋อย่างลึกซึ้ง ซูฉูฉู่บอกจอมยุทธ์ว่าแท้จริงซวนไป๋นั้น แซ่ฟาง เป็นเทือกเถาสืบทอดจากตระกูลมารดาของฟางเสี้ยวหรู เพื่อหลีกเลี่ยงการลอบสังหาร เขาจึงเปลี่ยนชื่อเป็นซวนไป๋ ซูฉูฉู่ ได้สัญญากับซวนไป๋ จะร่วมกันหยุดการสังเวย เหตุนี้ โอกาสหายากจึงมาถึงแล้ว ซวนไป๋ต้องชนะเป็นอันดับหนึ่งในการประกวดนางงามเรือเก๋งครั้งนี้เพื่อจะได้เข้าถ้ำเสือสืบหาหลักฐาน
ซูฉูฉู่เห็นว่าชวนไป๋แท้จริงนี้เป็นบุรุษราศีสตรี และยิ่งงามขึ้นเมื่อแต่งเป็นหญิง เพียงแต่งตัวให้ดี ปรับจริตจะก้านเยื้องย่าง ก็ไม่ยากที่จะชนะที่หนึ่ง ซูฉูฉู่และจอมยุทธ์ร่วมกันไปเมืองจินหลิงเพื่อเลือกเพชรนิลจินดา อากรณ์ ซาดทาปาก และน้ำมันชโลมผม และคัดดอกไม้ด้วยตนเองเพื่อกลั่นเป็นน้ำยาประทินผิวหน้า ต่อมา ซูฉูฉู่ได้ฝึกหัดซวนไป๋เดินเท้าดอกบัวของอิสตรีหญิง ด้วยท่าทีเคอะเขินของซวนไป๋ ทำให้จอมยุทธ์ และซูฉูฉู่อดขำไม่ได้ ทั้งสองเดินผ่านถนนตรอกซอกซอยเมืองจินหลิงด้วยกัน ซูฉู่ฉู่ยังเล่าให้จอมยุทธ์ฟังถึงเรื่องชีวิตสุขทุกข์ของเหล่าสาว ๆ ในหอฉินโหลว ต่างร่วมแบ่งปันทุกข์สุขกัน จอมยุทธ์ก็ใกล้ชิดกับซูฉู่ฉู่มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
สามวันต่อมา ในระหว่างการประกวดนางงามเรือเก๋งเรืองาม ฮั่นอ๋อง องค์หญิงฉาง และหลิวม่อเซียะ "บัณฑิตหญิงวังหลวง" ก็ได้รับเชิญด้วย ในที่สุด หลังจากการแข่งขัน ซวนไป๋ได้รับเลือกให้เป็นสาวงามอันดับหนึ่งในเจียงหนาน ซวนไป๋ จากไปพร้อมกับผู้คนจากวงมโหรี ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นตามแผน... จากการแนะนำของซูฉูฉู่ จอมยุทธ์ได้พูดคุยกับหลิวม่อเซียะ ซึ่งเป็นคนที่องค์หญิงฉางเมืองหนิงไว้วางใจอย่างมาก เพียงเพราะก่อนหน้านี้ ราชบุตรเขยเหม่ยอินจมน้ำตายอย่างลึกลับ ฮ่องเต้เฉิงจู่จึงบัญชาให้พลีชีพสังเวยแก่ราชบุตรเขย ทำให้องค์หญิงฉางทรงตกพระทัยและหวาดกลัว จอมยุทธ์อาศัยเบาะแสที่ได้จากหลิวม่อเซียะ จอมยุทธ์สงสัยว่า สวีจงเหวิน นักพรตแปรธาตุที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในตอนนี้อาจสมรู้ร่วมคิดกับเฉินกู ผู้ตรวจการนครหลวงลอบทำร้ายราชบุตรเขย หากแผนเป็นตามที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ต้องเร่งรีบหาหลักฐาน
3. มรณะราชบุตรเขย
จอมยุทธ์เพิ่งออกจากวังองค์หญิง เซี่ยยั่วหนิงก็รออยู่นอกวังองค์หญิงมานานแล้ว นางบอกจอมยุทธ์ว่าตนมาที่นี่เพื่อช่วย เหลือจอมยุทธ์ผู้เล่นตามบัญชาผู้นำพันธมิตร ตามที่นางลอบสืบสวนพบว่าโรงละครจีจิน, พระราชวังบึงม่อโฉว และภัต ตาคารฉินไหวในเมืองจินหลิงล้วนมีเบาะแสชาวยุทธจักรต้องสงสัย หลังจากสืบความ จอมยุทธ์ก็พบว่าชาวยุทธจักรเหล่านี้มาจากวังฟ้าห้าธาตุ และบอกกับเซี่ยยั่วหนิง เกี่ยวกับอดีตของเขาในเมืองหย่งเย่และ วังฟ้าห้าธาตุ สิ่งคล้าย ๆ หินยาที่พวกชาวยุทธจักรพวกนั้นพกไว้ข้างตัว เป็นพลุควันสัญญาณที่หาได้ยาก เซี่ยยั่วหนิงขบคิดไม่เข้าใจ แต่จอมยุทธ์ก็พอเดาได้คร่าว ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
เพื่อพิสูจน์สิ่งที่คิด จอมยุทธ์จึงพบหมอดู ซินแสอู๋ เขาบอกแก่จอมยุทธ์ว่า นับแต่โบราณมา ตะวันจันทราโคจรสับสน ดาราเคลื่อนกลับ ฟ้าครึ้มนาน ฝนไม่ตก เป็นลางขุนนางก่อกบฎ จอมยุทธ์สันนิษฐานว่าคนพวกนั้นน่าจะใช้หมอกควันที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อให้ฮ่องเต้เข้าพระทัยว่าชะตาพระองค์ถูกบดบัง และใช้โอกาสนี้ใส่ร้ายขุนนางภักดี จอมยุทธ์เชื่อว่า เฉินกู ผู้ตรวจการนครหลวงและ สวีจงเหวิน นักบวชลัทธิเต๋าอยู่ร่วมกันคิดคด เพราะหากมีอารามร่ำไห้ พวกเขาจะเพ็ดทูลฮ่องเต้อีกครั้งว่าอารามร่ำไห้เหมือนกับการไว้ทุกข์ เป็นโทษต่อชะตาโอรสสวรรค์ หากสังเวยคนเป็น ๆ จะช่วยกู้ชะตาฮ่องเต้ได้ อีกมุมหนึ่งคาดว่าฮ่องเต้คงไม่พอพระทัยเฉินกูและสวีจงเหวินอยู่แล้ว คงรู้สึกว่าชายสองคนนี้โหดเหี้ยมเกินไป สังหารผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้า ในทางกลับกัน ก็คงทรงหวั่นพระทัยว่าชะตาพระองค์จะเสียหาย จึงยังลังเลและชั่งใจอยู่ ไม่เพียงเท่านั้น ในระหว่างการสืบสวนช่วงนี้ ชาวบ้านยังลือกันว่า นักพรตแปรธาตุ สวีจงเหวินได้สร้างวังสลับหยินหยางเพื่อปรุงโอสถชีพวัฒนะ แม้ตัวจอมยุทธ์เองและชาวบู๊ลิ้มจะไม่เชื่อกัน แต่ก็มีข้อสงสัยว่าทำไมราชสำนักถึงไม่ชี้แจงให้กระจ่าง
ซินแสอู๋ฟังแล้วก็ไม่ตอบอันใด เพียงพูดแบ่งรับแบ่งสู้เท่านั้น ไม่นานหลังจากที่แยกจากซินแสอู๋ จอมยุทธ์ได้พบกับซูฉูฉู่ ซูฉูฉู่เล่าว่าสวีจงเหวินให้คนคุ้มกันเด็กผู้หญิงมากกว่าสิบเข้าไปวังหลวงจึงตัดสินใจเข้าไปช่วยพวกเขาโดยลำพัง จอมยุทธ์กลัวว่านางทำด้วยโทสะจะเกิดปัญหา เขาจึงหยุดยั้งนางพร้อมอาสาไปแทนนาง





